หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2566

พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2566
พัฒนาความรู้ สู่ รอง./ผอ.รร. ปี 2566

คลิ๊ก "สมัครพัฒนาความรู้สู่ผู้บริหาร / ครูผู้ช่วย

คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ครูผู้ช่วย
คลิ๊ก... สมัคร พัฒนาความรู้ สู่ ผู้บริหาร

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)

ติวสอบดอทคอม (เตรียมสอบครูผู้ช่วย-ผู้บริหาร-บุคลากร การศึกษา)
ติวสอบดอทคอม (เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์ สอบครู ผู้บริหาร บุคลากร)

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จำนำข้าว ปรับลด 1.2 ม./ตัน

อี้ แทนคุณ ชนะเลือกตั้งดอนเมือง ได้เป็นส.ส.กทม.12 ดอนเมือง

ติวสอบครูผู้ช่วย ปี 2556

โดย "ติวสอบดอทคอม"  ผอ.นิกร  เพ็งลี

ลดราคาจำข้าวนาปรังปี56เหลือตันละ1.2หมื่น

  •  
ลดราคาจำข้าวนาปรังปี56เหลือตันละ1.2หมื่น

มติกขช.ให้ลดราคาจำนำข้าวนาปรังปี56เหลือ 12,000ต่อตัน พร้อมจำกัดวงเงินรับจำนำไม่เกินรายละ5แสนบาท "บุญทรง"ย้ำไม่กระทบเกษตรกร
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.)มีมติให้ปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้านาปรังในฤดูการผลิตปี 56 ลงเหลือ 12,000 บาท/ตัน จากปัจจุบันที่รับจำนำไว้ที่ 15,000 บาท/ตัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2556 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่มีผลผลิตข้าวนาปรังออกมาสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ให้ปรับเงื่อนไขการรับจำนำข้าวนาปรังที่เริ่มมาตั้งแต่เดือน ก.พ.2556 โดยจำกัดวงเงินในการรับจำนำจากเกษตรกรไว้ที่ไม่เกินรายละ 5 แสนบาท โดยให้มีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.2556 โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ หามาตรการในการช่วยลดต้นทุนให้แก่เกษตรกรด้วย
นายบุญทรงกล่าวว่า สาเหตุที่ต้องปรับลดราคารับจำนำข้าวว่า เพื่อเป็นการรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศ หลังจากกระทรวงการคลังมีข้อแนะนำว่าหากต้องการให้งบประมาณของประเทศเข้าสู่สมดุลได้ในปี2560 โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลจะต้องมีค่าใช้จ่ายต่อปีไม่เกิน 1 แสนล้านบาทโดยการปรับลดวงเงินในการรับจำนำข้าวยังทำให้รัฐบาลสามารถนำเงินไปช่วยเหลือประชาชนในภาคส่วนอื่นได้เพิ่มขึ้น
"การปรับเงื่อนไขรับจำนำข้าวนาปรังจะไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรมากนัก เนื่องจากสามารถเพาะปลูกได้หลายครั้งในรอบปี แต่ยอมรับว่าการปรับลดราคารับจำนำลงอาจจะมีผลต่อราคาในตลาดลดลงบ้าง แต่ราคาข้าวที่ได้ทำสัญญาส่งมอบไปแล้วจะไม่มีผลกระทบ เพราะต้องยึดตามราคาที่ได้ทำสัญญาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว"นายบุญทรงกล่าว
นายบุญทรงกล่าวว่า ส่วนการรับจำนำข้าวนาปีฤดูการผลิตปี 56/57 จะใช้ตามราคาใหม่ที่ได้ปรับลดลงหรือไม่นั้นจะมีการพิจารณาอีกครั้ง

       จำนนแล้ว หลังยอดจำนำข้าวทุกเมล็ดเจ๊งกระฉูด หั่นนาปรังปี 2556 เหลือแค่ 12,000 บาท/ตัน พร้อมให้ชาวนาเข้าโครงการได้แค่ 5 แสนตัน “บุญทรุด” ปัดถังแตก แต่ต้องรักษาวินัยการเงินการคลัง ฟุ้งเกษตรกรยังกำไร 40% นายกฯ โอ๊คลั่นทำบุญภาษีอากรเป็นไรไป “ยิ่งลักษณ์” ร้อนเรียกประชุม ครม.นัดพิเศษด่วน ยอมรับมึนตัวเลขสต็อก ซื้อเวลาตั้งกรรมการสอบ แต่รองอธิบดีกรมการค้าภายในรับคา กมธ.วุฒิสภา “ยิ่งลักษณ์” รู้ตัวเลขแท้จริง ปชป.จัดหนักสต็อกเน่า-ข้าวล่องหน
    เมื่อวันอังคารยังคงมีความต่อเนื่องในโครงการจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาล โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้รายงานข้อมูลของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) รวมถึงความเห็นของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้ ครม.ได้รับทราบ และให้นำรายละเอียดทั้งหมดให้ กขช.พิจารณารายละเอียดต่อ
เมื่อถามว่า ตกลงจะลดราคาการรับจำนำข้าวจาก 1.5 หมื่นบาทต่อตันหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มีมติจาก กขช.เข้ามาอย่างชัดเจน แต่คงรับข้อเสนอและความคิดเห็นต่างๆ ไปหารือถึงทิศทางที่ชัดเจนจาก กขช. มายัง ครม.อีกครั้ง ซึ่งคงต้องรอผลก่อน
    ซักต่อว่า รัฐบาลจะเรียกความเชื่อมั่นจากโครงการรับจำนำข้าวอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า ได้สั่งงานเพิ่มเติมใน ครม. โดยฝากนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ให้ตั้งคณะเซอร์เวเยอร์ที่เป็นตัวกลางเพิ่มขึ้นมาอีกทีมในการตรวจสอบทุกโกดัง และในทีมเซอร์เวเยอร์จะมีทีมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เข้าไปตรวจสอบด้วยให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว และกลับมารายงาน ครม. หากพบว่ามีปัญหาในสต็อก เซอร์เวเยอร์ก็คงต้องชดใช้ตามราคาต้นทุน
“ตัวเลขที่ผ่านมา ณ วันที่ 31 ม.ค.ตรงกัน แต่สิ่งที่ไม่ตรงกันคือตัวเลขสต็อกคงค้าง ซึ่งนายบุญทรงได้รายงานว่า กขช.ได้ให้คณะทำงานบวกกับทีมคณะอนุกรรมการปิดบัญชีลงไปตรวจสอบในรายละเอียดถึงสต็อกจริงๆ ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ รวมถึงการคำนวณมูลค่าสต็อกคงค้าง” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวตอบคำถามเรื่องกระทรวงพาณิชย์รายงานหรือไม่ว่าขายไปกี่ตัน ราคาเท่าไหร่ และขายให้ใคร
เมื่อย้ำถามว่า ขายให้บริษัทอะไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า อันนี้คงไม่ไปทราบอะไรตรงนั้น เพราะเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่
    ในขณะที่นายวราเทพกล่าวว่า ครม.รับทราบตัวเลขผลการดำเนินการในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ในปีการผลิต 2554/55 ซึ่งใช้ข้อมูลของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร ณ วันที่ 31 ม.ค.2556 ที่ระบุว่ามีผลขาดทุนสูงสุดไม่เกิน 1.36 แสนล้านบาท โดยมีข้าวเปลือกเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 21.78 ล้านตัน และสีแปรสภาพเหลือเป็นข้าวสารทั้งสิ้น 13.42 ล้านตัน จ่ายเงินให้เกษตรกรไปแล้ว 3.37 แสนล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายบริหารจัดการโครงการอยู่ที่ 1.47 หมื่นล้านบาท หรือ 6% ค่าโรงสี และค่าสีแปรสภาพ 1.08 หมื่นล้านบาท หรือ 8% โดยส่วนนี้ยังมีมูลค่าข้าวคงเหลือในสต็อก ซึ่งใช้การคำนวณโดยใช้ราคาต่ำที่สุดอยู่ที่ 1.55 แสนล้านบาท ขณะที่มูลค่าข้าวที่ได้ระบายแล้วอยู่ที่ 5.91 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าว ปีการผลิต 2554/55 มีการใช้วงเงินไปทั้งสิ้น 3.52 แสนล้านบาท
ให้ปิดบัญชีทุก 3 เดือน
    นายวราเทพกล่าวต่อว่า ครม.ยังเห็นชอบให้ใช้แนวทางคำนวณผลการดำเนินงานของโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้วิธีคำนวณจากมูลค่าข้าวในสต็อกที่ยังคงเหลืออยู่ตามราคาตลาดที่ต่ำที่สุด ณ วันปิดบัญชี พร้อมสั่งให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวทุกๆ 3 เดือน และรายงานให้ ครม.รับทราบด้วย รวมทั้งยังมอบหมายให้ กขช.กลับไปทบทวนแนวทางและหลักเกณฑ์สำหรับปรับปรุงในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวรอบใหม่ โดยให้นำข้อเสนอแนะของสภาพัฒน์ และข้อมูลของตนเองไปพิจารณาหาแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินการในอนาคต
“ผมยังยืนยันว่าตัวเลขต่างๆ ไม่ได้ตกแต่ง และคงไม่มีใครกล้าไปเปลี่ยนแปลงตัวเลย เพราะทำไปก็เหมือนกับการเอาอนาคตของตัวเองไปเสี่ยง” นายวราเทพกล่าวและว่า ครม.ยังได้มอบหมายให้ กขช.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบปริมาณข้าวในสต็อกที่เหลืออยู่ โดยให้เร่งสรุปและนำข้อมูลทั้งหมดมาเสนอให้ ครม.รับทราบภายใน 30 วัน
มีรายงานข่าวจาก ครม.แจ้งว่า ในช่วงพิจารณาตัวเลขขาดทุนจากโครงการรับจำนำ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.การคลัง ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องการขาดทุนว่า ควรเปลี่ยนมาใช้คำว่า ภาระทางบัญชี หรือภาระงบประมาณจะดีกว่า เพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านนำไปสร้างวาทกรรม แต่นายวราเทพแย้งว่าไม่ควรเปลี่ยนแปลง เพราะอาจทำให้คนสงสัยว่ารัฐบาลพยายามไปปรับแก้อะไร ซึ่งที่ประชุมก็เห็นว่าควรใช้คำว่าขาดทุนเหมือนเดิม
นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2554/55 ทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 1.16 แสนล้านบาท ตัวเลขจีดีพีของประเทศเพิ่มขึ้น 0.69% ขณะที่โครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2555/56 รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 1.14 แสนล้านบาท ตัวเลขจีดีพีเพิ่มขึ้น 0.62% โดยเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.2 หมื่นบาทต่อตัวเรือน รวมถึงช่วยทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น 2% ส่วนผลกระทบต่อฐานะการคลัง โดยเฉพาะในโครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2555/56 ที่กำลังดำเนินการอยู่นั้น รัฐบาลจะมีภาระหลังหักงบประมาณชดเชยแล้วอยู่ที่ 1.59 แสนล้านบาท ขณะที่ปี 2557-2560 หากรัฐบาลยังดำเนินโครงการต่อ และกำหนดเพดานรับจำนำไม่เกิน 15 ล้านตัน รัฐบาลจะมีภาระเฉลี่ยปีละ 8 หมื่นล้านบาท
ตั้ง "ธวัช" ตรวจสต็อก
ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ครม.รับทราบรายงานผลการประชุม กขช. ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอให้แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลปริมาณข้าวคงเหลือของทั้ง อคส. และ อ.ต.ก. ณ วันที่ 31 พ.ค.2556 โดยมี พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกฯ เป็นประธาน รวมทั้งผู้แทนคณะอนุกรรมการปิดบัญชีและผู้แทนกรมการค้าภายใน ร่วมเป็นคณะทำงานและแต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามประเมินผลโครงการในทุกมิติ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่เกษตรกรได้รับและผลต่อระบบเศรษฐกิจรวมถึงความคุ้มค่า โดยมี ดร.ธนวรรธน์  พลวิชัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นประธานด้วย
    ต่อมาในช่วงเย็น ได้มีการประชุม กขช.นัดพิเศษ โดยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ แถลงผลประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้ปรับปรุงรายละเอียดโครงการรับจำนำฤดูการผลิตนาปรังปี 2556 ที่กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้ โดยให้ปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้า ความชื้น 15% จากราคา 1.5 หมื่นบาท/ตัน เหลือ 1.2 หมื่นบาท/ตัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2556 เป็นต้นไป และจำกัดวงเงินเข้าสู่โครงการไม่เกินรายละ 5 แสนบาท มีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. โดย กขช.ยังได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ไปพิจารณาหาแนวทางและมาตรการช่วยเหลือลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร
        “การลดรายละเอียดโครงการไม่ใช่เงินไม่พอ แต่เรามีภาระต้องรับผิดชอบต่องบประมาณในภาพรวม และต้องรักษาวินัยการเงินการคลัง เพื่อให้เป้าหมายทำงบประมาณสมดุลเกิดขึ้นในปี 2560 ซึ่งแต่ละปีได้ตั้งเป้าหมายว่าจะจำกัดวงเงินภาระค่าใช้จ่ายและผลขาดทุนโครงการไม่เกินปีละ 1 แสนล้านบาท” นายบุญทรงกล่าวและว่า ราคารับจำนำที่ลดลงมา กระทรวงเกษตรฯ ได้คำนวณแล้วว่าเกษตรกรยังมีกำไรประมาณ 40% เพราะต้นทุนการผลิตอยู่ที่กว่า 8,000 บาท/ตัน ซึ่งราคาดังกล่าวเหมาะสมกับราคาตลาดปัจจุบัน และราคาตลาดโลก
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีข้าวในสต็อกรัฐบาลเน่าคาโกดังว่า หลักการเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเอาข้าวในโกงดังของรัฐบาลมาทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งการกล่าวหาทำง่าย เพราะพูดแล้วก็เดินพ้นไป แต่เมื่อสื่อมวลชนซักว่า ได้ตรวจสอบแล้วหรือไม่ นายณัฐวุฒิตอบว่า ไม่มี เพราะที่ผ่านมาในเวลาตอบกระทู้ เวลากล่าวหาแล้วไปตรวจสอบไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเลย จึงสันนิษฐานว่าเป็นวิธีการเดิมของฝ่ายค้านอีก
ปูนัดประชุมด่วน
มีรายงานว่า ในวันที่ 19 มิ.ย. เวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เรียกประชุม ครม.นัดพิเศษ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยคาดว่าเป็นเรื่องโครงการรับจำนำ โดยเฉพาะหลังจาก กขช.มีมติให้ปรับลดรายละเอียดการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2556/ 57
 น่าสนใจว่า ก่อนหน้านั้นในเวลา 12.50 น. นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อว่า “จำนำข้าว รัฐต้องยอมเสียเปรียบชาวบ้าน รัฐต้องยอมขาดทุน ชาวนาจึงจะลืมตาอ้าปากได้” โดยระบุว่า ฝากดังๆ ถึงรัฐบาลอย่ายกเลิกโครงการเด็ดขาด โครงการช่วงแรก ต้องออกตัวแรง 15,000 บาท ชาวนาได้เฮ หัวเราะดังๆ กันทั้งประเทศ แต่โครงการช่วงต่อไป ในปีหน้าจะนาปี-นาปรังก็ปรับลดราคาลงมานิด เหลือสักหมื่นต้นๆ ก็พอ แล้ว ส.ส.ทั้งหมดของพรรคเพื่อไทยก็ช่วยกันเดินสายอธิบายให้ชาวนาทุกจังหวัดเข้าใจว่ารายได้ของชาวนาปีนี้จะต้องลดลงบ้าง เหตุก็เพราะรัฐบาลโดนฝ่ายค้านโจมตีเยอะ แต่ลดลงยังไงก็ยังดีกว่าฝายค้านกลับมาเป็นรัฐบาล เพราะพรรคประชาธิปัตย์ยกเลิกโครงการจำนำข้าวแน่นอน
“จะทำบุญภาษีอากรสักส่วนหนึ่ง ให้ชาวนาที่เป็นเพื่อนร่วมชาติที่ยังลำบากที่สุด ให้ลืมตาอ้าปากได้สักนิดจะเป็นไรไป ขอเพียงแต่รัฐบาลต้องทำทุกขั้นตอนให้โปร่งใส อย่าให้มีการทุจริตเกิดขึ้น และดูแลให้ตัวเลขค่าใช้จ่ายมันพอเหมาะพอสมเท่านั้น ทำไปเลยไม่ต้องกลัว  จะพูดอะไร จะชี้แจงอะไร ทำให้ชัดๆ ไปเลยครับ อย่าอ้ำๆ อึ้งๆ โครงการดีอยู่แล้ว อย่าให้เสียคะแนน เงินภาษีต้องนำมาใช้ครับ พี่น้องประชาชนเข้าใจ แต่ใช้ทำอะไร? จำนวนเท่าไหร่? รั่วไหลหรือไม่? ต้องชี้แจงให้เคลียร์”นายพานทองแท้โพสต์
    สำหรับความเห็นของฝ่ายค้านนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันว่า ตัวเลขขาดทุนรวม 2 ฤดูกาล น่าจะอยู่ที่ 1.6-1.7 แสนล้านบาท และหากรวม 3 ฤดูกาลที่รัฐบาลรับจำนำแล้วตัวเลขขาดทุนจะประมาณ 2.6 แสนล้านบาท ส่วนการที่รัฐบาลแก้ไขปัญหาโดยลดราคาหรือลดปริมาณรับจำนำนั้น ก็มีปัญหาแตกต่างกัน เพราะถ้าลดราคาก็จะลดผลประโยชน์ที่ชาวนาได้เต็มๆ แต่เงินที่สูญหายที่ประเมินกันว่าเป็นแสนล้านบาท ไปอยู่ที่คนอื่นก็ไม่รู้มันจะลดหรือไม่ แต่ถ้ารับจำนำระบบโควตานั้น เมื่อถึงเวลาก็จะมีปัญหาขอขยายโควตา
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเช่นกันว่า กล้ายืนยันว่าตัวเลขการขาดทุน ฤดูการผลิต 2554/55 ที่ขาดทุน 1.36 แสนล้านบาทนั้นยังไม่รวมค่าใช้จ่ายค่าเสื่อมสภาพข้าว ค่าเช่าโกดัง ค่าประกันภัยต่างๆ ซึ่งแค่ค่าประกันก็คิดเป็น 10% ของมูลค่า ส่วนโครงการรับจำนำข้าวนาปี ปี 55/56 ที่คณะอนุกรรมการฯ สรุปไปแล้วว่าขาดทุน 84,071 ล้านบาทถือว่าตัวเลขดังกล่าวนิ่งแล้ว แต่รัฐบาลเองกลับยังไม่นิ่ง
“หากตัวเลขข้าว 2.5 ล้านตันมีจริง แสดงว่าตลอด 1 ปี 4 เดือนในการบริหารโครงการ จนถึงวันที่สรุปปิดบัญชีเมื่อวันที่ 31 ม.ค.2556 รัฐบาลจะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาทแน่นอน และถ้ารวมค่าบริหาร ค่าเสื่อมสภาพอีก 20% ก็จะรวมตัวเลขขาดทุนเป็น 2.4 แสนล้านบาท” นพ.วรงค์ระบุ
ปชป.จับข้าวล่องหน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตัวเลขขาดทุนที่นายวราเทพยอมรับว่า การจำนำข้าวฤดูผลิต 2554/55 ขาดทุน 1.36 แสนล้านบาทนั้น เป็นตัวเลขเดียวกับที่นายอภิสิทธิ์แถลงไปก่อนหน้านี้คือ โครงการจำนำข้าวนาปี ปี 2554/55 ขาดทุน 42,963 ล้านบาท โครงการข้าวนาปรัง ปี 2555 ขาดทุน 93,933 ล้านบาท แต่นายวราเทพกลับไม่ยอมรับตัวเลขขาดทุนโครงการจำนำปี 2555/56 จำนวน 84,071 ล้านบาท ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้แถลงไป โดยอ้างว่ายังสรุปไม่ได้ เนื่องจากคำนวณสต็อกข้าวไม่ตรงกัน เพราะมีข้าวในสต็อกอีก 2.5 ล้านตัน มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งขอตั้งข้อสังเกตว่า ข้าวในสต็อกนั้นใกล้เคียงกับข้าวถุงที่รัฐบาลมอบให้องค์การคลังสินค้านำข้าวจากโครงการรับจำนำไปบรรจุถุงขายประชาชนในราคาถูกปริมาณ 1.8 ล้านตัน แต่จากการตรวจสอบของคณะอนุกรรมาธิการวุฒิสภา พบว่ามีการผลิตออกสู่ตลาดจริงเพียง 1.4 แสนตัน เท่ากับว่าข้าวล่องหนไปจาก อคส.ประมาณ 1.66 ล้านตัน เสียหายต่อรัฐถึง 2.57 หมื่นล้านบาท
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษก ปชป. กล่าวถึงเรื่องข้าวเน่าในโกดังของรัฐบาลว่า พรรคได้นำเสนอข้อมูลนี้หลายครั้ง แต่รัฐบาลไม่เคยตรวจสอบ จึงจะตั้งศูนย์ประจำพรรคร่วมกับรายการ สน.อาสาเพื่อรับเรื่องร้องเรียน และจะมีนำเรื่องยื่นต่อกองปราบปราม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบต่อไป
ขณะเดียวกัน ในการประชุมคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มีนายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา เป็นประธาน ได้มีการพิจารณาการทุจริตในโครงการนำรับจำข้าว โดยมีนายสุชาติ สินรัตน์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เข้าชี้แจง ซึ่ง กมธ.ต่างซักไซ้ในเรื่องของตัวเลขสต็อก รวมถึงการระบายข้าว ซึ่งนายสุชาติก็ปฏิเสธว่าไม่ทราบว่าสต็อกอยู่ที่ไหน มีเท่าไหร่ เพราะเกี่ยวข้องยุทธศาสตร์การขายข้าว คนที่รู้จริงๆ คืออธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ รมว.พาณิชย์ และนายกฯ ที่ถือตัวเลขนี้อยู่ นอกจากนี้ กมธ.ยังซักถึงสต็อกข้าว 2.5 ล้านตันที่ อคส.นำไปขายราคาในร้านถูกใจด้วย โดย กมธ.ต่างระบุว่ามีการเบิกข้าวไปหมด แต่กลับมีขายเพียงส่วนหนึ่ง และยังขายเกินราคาด้วย
    ขณะที่ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือกรุงเทพโพล ได้เผยสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 30  แห่ง จำนวน 60 คน เรื่อง “ครึ่งทางรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์กับผลงานด้านเศรษฐกิจ” พบว่า ผลงานการบริหารเศรษฐกิจในภาพรวมได้คะแนน 4.08  คะแนนจาก 10 ส่วนการประเมินผลงานของรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญ พบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ 3.66 คะแนน, นายกิตติรัตน์ได้ 3.86 คะแนน ส่วนรัฐมนตรีที่ได้คะแนนสูงสุดคือ นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้ 4.67 คะแนน ขณะที่นายบุญทรงได้คะแนนน้อยที่สุดเพียง 2.50 คะแนน ทำให้ภาพรวมผลงานของรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่สำคัญได้คะแนนประเมินเพียง 3.77 คะแนน โดยมีนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่นักเศรษฐศาสตร์ให้คะแนนประเมินสูงถึง 7.11 คะแนน
สำหรับกระแสการปรับ ครม.นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ถ้าจะปรับเมื่อไหร่คงจะชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง เพราะการปรับ ครม.เป็นเรื่องปกติที่เราจะปรับกันตามความเหมาะสม ซึ่งวันนี้ก็พิจารณาอยู่ และติดตามดูผลงานไปเรื่อยๆ เมื่อถามว่านายบุญทรงยังเหมาะสมที่จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่ นายกฯ ปฏิเสธตอบคำถาม และกล่าวเพียงว่า พอแล้วค่ะ พอแล้วนะ
    แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทยระบุถึงการปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ 5 ว่า จะปรับช่วงหลังจากเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปในเดือน ส.ค. เนื่องจากมีการพิจารณากฎหมายสำคัญอีกมาก จึงไม่ต้องการให้เกิดแรงกระเพื่อม แม้จะมีการส่งสัญญาณจาก พ.ต.ท.ทักษิณต้องการให้ปรับ ครม.โดยเร็วในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.
ไทนโพสต์
ติวสอบครูผู้ช่วย ปี 2556

โดย "ติวสอบดอทคอม"  ผอ.นิกร  เพ็งลี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค
พัฒนาความรู้ครูผู้ช่วย 4 ภาค

ห้องสนทนา บน facebook

ห้องสนทนา บน facebook
ห้องสนทนาติวสอบดอทคอม

ข้อสอบออนไลน์ "ติวสอบดอทคอม" ชุดใหม่

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค

แจ้งย้ายเว็บไปที่ www.tuewsob.com

คู่มือเตรียมสอบผู้บริหาร ภาค ก ข ค (ปรับปรุงใหม่)

รวม เล่ม + แผ่นพับ + ชีตช่วยจำ + DVD เนื้อหา + เสียงบรรยาย + EMS = 800 บาท
สนใจ คู่มือ ภาค ก ข ค ผู้บริหาร คลิ๊กเลย

สั่งจอง... โอนเงินเข้าชื่อบัญชี นายนิกร เพ็งลี ธนาคารกรุงไทย สาขาจอหอ บัญชีเลขที่ 341-1-38912-5 โอนเงินแล้วกรุณาโทรแจ้ง
0872494141 หรือ 0839660030

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร
คู่มือ เตรียมสอบผู้บริหาร

ติวสอบออนไลน์ บน facebook

ติวสอบออนไลน์ บน facebook
ติวสอบออนไลน์ บน facebook

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม
คลังหนังสือ ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม
ติวสอบดอทคอม